Monday, December 13, 2010

มะเร็ง : ศัตรูร้ายจากภายใน

เนื้องอกทุกชนิดคือมะเร็งใช่หรือไม่ ?


     เนื้องอก (tumor) คือเนื้อเยื่อที่เกิดขึ้นใหม่และเจริญเติบโตอย่างผิดปกติ (neoplasm) ทั้งยังเป็นส่วนเกินที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เนื้องอกแบ่งออกเป็นชนิดใหญ่ ๆ 2 ชนิด คือ ชนิดไม่อันตราย (benign) และชนิดมีอันตรายร้ายแรง (malignant) หรือมะเร็ง
     เนื้องอก 2 ชนิด มีข้อแตกต่างที่ชัดเจน คือ ชนิดไม่ร้ายแรงจะเติบโตขึ้นช้า ๆ  ก่อตัวโดยแยกออกจากเซลล์ปกติ และไม่คุกคามอวัยวะของร่างกาย แต่เนื้องอกชนิดอันตรายอาจก่อตัวขึ้นช้า ๆ หรือรวดเร็ว แล้วเข้ารุกรานเนื้อเยื่อหรืออวัยวะใกล้เคียงและแพร่กระจายไปทั่วร่างกายไ้ด้ (metastatis) โดยเซลล์มะเร็งจำนวนหนึ่งจะหลุดจากเนื้องอกนั้น ลอยไปตามระบบเลือดและระบบน้ำเหลือง ลุกลามไปยังส่วนไฟล์:Normal cancer cell division from NIH.pngอื่น ๆ ของร่างกาย
     มะเร็งเกิดจากความผิดปกติในระบบการควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์ ทำให้มีเซลล์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมเกิดขึ้นอย่างทวีคูณ ส่ิงที่เลวร้ายคือ ไม่เพียงแต่เซลล์มะเร็งจะลุกลามอย่างรวดเร็ว หากแต่เซลล์มะเร็งนี้ยังแบ่งตัวอย่างไม่รู้จักหยุด ต่างจากเซลล์ปกติที่หยุดการแบ่งตัวทันทีที่เบียดเข้ากับเนื้อเยื่อข้างเคียง
     เซลล์เนื้องอกชนิดร้ายแรง เป็นเซลล์ที่ผิดปกติทั้งขนาด รูปร่าง และการทำงาน แม้ว่ามันมักจะคล้ายคลึงกับเซลล์ของตัวอ่่อน (embryonic cell) ที่จะเจริญต่อไปเป็นอวัยวะต่่าง ๆ ของมนุษย์ แต่พัฒนาการของเซลล์มะเร็งก็กลับมีลักษณะตรงกันข้าม กล่าวคือ ขณะที่เซลล์ของตัวอ่่อนแบ่งตัวโดยมีลักษณะเฉพาะ แต่เซลล์มะเร็งไม่เป็นเช่นนั้น คงเป็นเซลล์ที่มีโครงสร้างง่าย ๆ แต่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่่อย ๆ

มะเร็งมีอยู่กี่ประเภท ?


     ผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งได้ค้นพบว่า มะเร็งมีนับร้อย ๆ ชนิด แต่พอจะแบ่งได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้คือ :-
1) คาร์ซิโนมา (carcinoma) เกิดกับเยื่อบุผิวทั้งด้านนอกและในอวัยวะ ต่อม และ ผิวหนัง
2) ซาร์โคมา (sarcoma) เกิดกับเนื้อเยื่อยึดต่อ เช่น กระดูก กระดูกอ่อน และ กล้ามเนื้อ
3) ลิวคีเมีย (leukemia) เป็นมะเร็งในระบบโลหิตและน้ำเหลือง เช่น มะเร็งของเซลล์เม็ดเลือดขาว

อะไรเป็นสาเหตุให้เกิดมะเร็ง


     ยังไม่มีใครรู้แน่ว่า อะไรเป็นสาเหตุพื้นฐานให้เกิดมะเร็ง แต่หลายคนเชื่่อว่า โรคนี้มีแนวโน้มมาจากพันธุกรรม และเป็นผลมาจากการสะสมของปัจจัยต่าง ๆ เช่น ไวรัส หรือควันบุหรี่ ซึ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดมะเร็ง
     โดยทั่วไปมะเร็งไม่ใช่โรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์โดยตรง ยกเว้นโรคมะเร็งที่จอจักษุประสาท (retinoblastoma) ซึ่งพบได้ยากมาก ดังนั้นการมีญาติเป็นมะเร็งจึงมักไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเป็นมะเร็งด้วย นอกจากนี้การอยู่ในภาวะแวดล้อมที่เป็นตัวเร่งให้เกิดมะเร็ง ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเป็นมะเร็งเช่นกัน ยกตัวอย่าง เช่น มีคนจำนวนมากที่สูบบุหรี่จัดแ่ต่ไม่เป็นอะไร
     เรายังไม่พบว่าสารก่อมะเร็ง (carcinogen) ชนิดใดทำให้เกิดมะเร็งขึ้นโดยตรง แต่้ถ้าสารนั้นทำให้ระบบเคมีของเซลล์เปลี่ยนไป ก็อาจไปเอื้อต่อการเกิดมะเร็งได้ บางครั้งก็ไม่เอื้อ
     นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า มีสารเคมีประเมาณ 20 กว่าชนิดที่เป็นปัจจัยกระตุ้นให้คนเป็นมะเร็งได้ภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง การค้นคว้าวิจัยทำให้ยิ่งค้นพบสารในทำนองนี้มากขึ้น ส่วนใหญ่เป็นสารที่พบในของเสียจากอุตสาหกรรม ไอเสียจากรถยนต์ ยาฆ่าแมลง วัสดุก่อสร้าง และอาหารแปรรูป
นอกจากนี้รังสีจากดวงอาทิตย์ จากเครื่่องเอกซเรย์ และจากอาวุธนิวเคลียร์ ก็มีฤทธิ์กระตุ้นให้เกิดมะเร็ง และอาจรวมถึงไวรัสด้วย แต่นักวิจัยส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าไวรัสจะเป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็ง มะเร็งบางชนิด เช่น มะเ็ร็งที่เต้านม  และที่ต่อมลูกหมาก อาจมีสาเหตุมาจากฮอร์โมน บางชนิดที่เกิดจากปากและริมฝีปาก อาจมาจากการระคายเคืองเรื้อรังเพราะการใส่ฟันปลอม หรือการใช้กล้องยาสูบเป็นเวลานาน

มะเร็งมีวิธีรักษาอย่างไร ?


     การรักษามะเร็งทั่วไปใ้ช้วิธีผ่าตัด ฉายรังสี และเคมีบำบัด การผ่าตัดนั้นก้าวหน้าไปถึงการใ้ช้เลเซอร์ซึ่งทำให้ผ่าตัดได้แม่นยำ ไม่กระทบส่วนอื่น ๆ เทคนิคใหม่คือ การใช้ความเย็นจัดแทนมีดผ่าตัด  วิธีใหม่ ๆ เหล่านี้ไม่ทำให้มีเลือดไหล จึงช่วยลดอัตราเสี่ยงเรื่่องการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งในกระแสเลือด
การรักษามะเร็งจะได้ผลดี ถ้าไม่ทำให้เซลล์มะเร็งแพร่ไปยังอวัยวะอื่นของร่างกาย ถ้าปล่อยให้ถึงขั้นนี้แล้ว การรักษาด้วยการผ่าตัดอย่างเดียวก็จะไม่ได้ผล
    
น่าแปลกที่รังสีมีทั้งคุณสมบัิติกระตุ้นให้เกิดมะเร็งและกำจัดมะเร็ง แพทย์ใช้รังสีด้วยการฉายจากเครื่่อง การฝังเข็มหรือบรรจุแคปซูลที่มีสารกัมมันตรังสีลงในก้อนเนื้องอก
     การใช้เคมีบำบัด (chemotherapy) เป็นการใช้ส่วนผสมของสารเคมีเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง ยาชนิดใหม่ ๆ คือ แอนติเมทบอไลต์ (antimetabolites) ซึ่งคล้ายคลึงกับสารอาหารในเซลล์ แต่จริง ๆ แล้ว มันรบกวนการใช้สารอาหารภายในเซลล์ นอกจากนี้ก็ยังมีการพัฒนายาปฏิชีวนะใหม่ ๆ ให้มีฤทธิ์แรงยิ่งขึ้น ทำให้มีผลต่อการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ ซึ่งช่วยป้องกันการผลิตเซลล์มะเร็งใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นและยุติการแพร่ของเซลล์เนื้อร้าย
     ในปัจจุบัน มีการใช้คอมพิวเตอร์ทำนายผลของยาชนิดต่าง ๆ ที่ใช้ต้านมะเร็งได้ในเวลาอันสั้น การค้นพบยาใหม่ที่น่าตื่นเต้นคือ สารต่อต้านแบบโคลนนิ่งเดี่ยว (monoclonalantibodies) เป็นการสร้างสารเคมีเหมือนสารต่อต้าน (แอนติบอดี) ในร่างกายที่เจาะจงต้านมะเร็งชนิดหนึ่ง ๆ แล้วฉีดสารดังกล่าวนี้เข้าไปในตัวผู้ป่วย วิธีการดังกล่าวกำลังพิสูจน์ผลอยู่ในปัจจุบัน
กัญชามีชื่่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Cannabis sativa เป็นพืชที่พบได้ทั่วไปในส่วนต่าง ๆ ของโลก พืชชนิดนี้มีสารก่อให้เกิดผลต่อภาวะจิตใจเื่มื่อนำใบมาสูบ
     มีสารประเภทหนึ่งที่มีประโยชน์ทางการแพทย์ แต่ในเวลาเดียวกันก็ทำให้เสพติดได้ มอร์ฟีน เป็นยาแก้ปวดที่หาสิ่งอื่นมาใช้แทนไม่ได้ กัญชามีประโยชน์ช่วยรักษาต้อหิน ซึ่งเป็นโรคตาชนิดหนึ่งที่อาจทำให้ตาบอดได้ และยังช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ที่มีผลมาจากการใช้เคมีบำบัด (chemotherapy) กับโรคมะเร็ง แต่เมื่อใดที่การใช้ยาทำให้เกิดเป็นการติดยา ผลเสียก็จะตามมา เช่น เกิดเจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุ และอาจถึงตายได้ การใช้สารประเภทยามาเป็นเครื่่องกระตุ้นหรือบรรเทาภาวะทางจิตใจไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ มีการใช้ของดังกล่าวมานานแล้ว ในการช่วยลดความเครียด หรือทำให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้ม ในกรีซยุคโบราณ ขนมหรือลูกอมที่มีส่วนผสมของฝิ่นมีขายกลาดเกลื่อนตามท้องถนน แต่ปรากฎการณ์ที่ถือเป็นเรื่องใหม่ในสังคมยุคปัจจุบันได้แก่ การเสพสารเสพติดพร้อม ๆ กันหลายประเภท เช่น การใ้ช้แอลกอฮอล์ร่วมกับยากล่อมประสาท โคเคน หรือเฮโรอีน จากการศึกษาพบว่าผู้ที่สูบกัญชาอย่างหนักเป็นผู้ที่ดื่มเหล้าจัดด้วย โชคร้ายที่มีน้อยคนรู้ว่า สิ่งเหล่านี้เสริมกันเมื่อเราใช้ยาสองชนิดร่วมกัน ผลที่ออกมาจะรุนแรงมากกว่า ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ขับรถที่ดื่มทั้งเหล้าและสูบกัญชา ย่อมก่อให้เกิดอันตรายได้มากกว่าผู้ที่ดื่่มเหล้าเพียงอย่างเดียว กัญชามีชื่่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Cannabis sativa เป็นพืชที่พบได้ทั่วไปในส่วนต่าง ๆ ของโลก พืชชนิดนี้มีสารก่อให้เกิดผลต่อภาวะจิตใจเื่มื่อนำใบมาสูบ

No comments:

Post a Comment